Home > Hospitals > ไร้จรรยาบรรณ (ภาค 2) – บัตรสมาชิกชีววัฒนะของโรงพยาบาลกรุงเทพ

ไร้จรรยาบรรณ (ภาค 2) – บัตรสมาชิกชีววัฒนะของโรงพยาบาลกรุงเทพ


คลิ๊กดูบทความแรก

หลังจากภาค 1 ที่ได้เล่าสู่กันฟังไปแล้วนะคะ ในเรื่องของการฉ้อโกงไร้จรรยาบรรณของบัตรชีววัฒนะที่ไม่มีข้อมูลประวัติผู้ป่วยที่เชื่อมโยงกันระหว่างโรงพยาบาลในเครือ แต่โฆษณาว่าบัตรนี้ใช้ได้ทั่วประเทศทุกโรงพยาบาลในเครือ รวมถึงการบริการตั้งแต่พนักงานรับโทรศัพท์ที่ไม่มีความรู้เรื่องบัตรข้างต้น พนักงานต้อนรับที่ทักทายลูกค้าอย่างหน้าตาเฉยว่า “มาตรวจมะเร็งใช่มั๊ยคะ” คุณหมอก็งงคลิ๊กคอมพิวเตอร์แล้วบ่นพรึมพรัมว่า ทำไมไม่มีประวัติคนไข้ สุดท้ายเห็นด้วยกับดิฉันว่า จริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ก่อนก็ได้  จนถึงเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าไม่ว่าจะเป็นระดับผู้ตรวจการทั่วไปจนระดับหัวหน้าที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรให้ลูกค้า

ดิฉันในฐานะผู้ป่วยไม่ต้องการได้อะไรจากโรงพยาบาลนี้อีกแล้ว ขอเงินค่าบัตร perfect diamond 30,000. – บาทของดิฉันคืนมา ไม่มีใครสักคนในโรงพยาบาลตั้งแต่พนักงานรับโทรศัพท์ไปจนเจ้าหน้าที่ต้อนรับ เจ้าหน้าที่ดูแลบริการลูกค้าและแพทย์ ที่จะทำให้ดิฉันรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าจะดูแลอาการป่วยของดิฉันได้อย่างปลอดภัย จะเป็นสมาชิกไปทำไมในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นอะไร ป่วยเป็นโรคอะไร ทั้ง ๆ ที่ก็เคยตรวจไปแล้วที่ภูเก็ต และต้องการติดตามอาการที่กรุงเทพฯ (ก็อย่างที่โฆษณาน่ะค่ะ บัตรนี้ใช้ได้ทั่วประเทศ) แล้วก็โทรฯมาบอกก่อนแล้วทั้งประวัติ ทั้งรายละเอียดทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของลูกค้าหรือผู้ป่วยที่ต้องนั่งเล่าเรื่องตนเองให้ตั้งแต่พนักงานรับโทรศัพท์ฟัง เจ้าหน้าที่ แพทย์ ผู้ดูแลบริการลูกค้า  แต่ดิฉ้นก็ต้องทำ จนแล้วจนรอด ลูกค้าอาจจะไม่รอด  ถ้าคุณไม่มีประวัติผู้ป่วย(สมาชิก) ของคุณ โดยเฉพาะในศาสตร์การแพทย์ ก็แสดงว่าคุณออกนโยบายบัตรชีววัฒนะที่ใช้ได้ทั่วประเทศ ไว้โกงผู้ป่วย และในที่สุดผู้ป่วยก็อาจ “ตาย” ในมือคุณ  อย่างที่ดิฉันเขียน ถ้าดิฉันตรวจอาการของตนเอง ดิฉันถามหน่อยว่า แพทย์ที่ไม่รู้ข้อมูลเก่าของดิฉัน จะรู้หรือไม่ว่า อาการดิฉันแย่ลง หรือ ดีขึ้น


หลังจากเสียเวลาทั้งวัน ณ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เราได้แต่คำว่าขอโทษ สัญญาว่าจะติดต่อกลับในวันรุ่งขึ้นก็ไม่มี  ผ่านไปประมาณ 3 อาทิตย์  จนกระทั่งย่างเข้าอาทิตย์ที่ 4 หลังจากที่ดิฉันได้เขียนบทความเกี่ยวกับความไม่มีจรรยาบรรณของบัตรชีววัฒนะของโรงพยาบาลกรุงเทพบนเว็บไซด์ซึ่งตอนนี้ ขึ้นอันดับ 1,2,3 ในหลายเว็บไซด์ทั่วโลกหากคุณพิมพ์คำว่า “จรรยาบรรณ” “โรงพยาบาลกรุงเทพ” “การบริการ” “บัตรชีววัฒนะ”  บทความของดิฉันขึ้นอันดับเพราะมีคนเข้าเยี่ยมชมมากมาย รวมถึงบทความนี้ได้รับการตอบรับจากเว็บไซด์ของโรงพยาบาล 5 ดาวหลายแห่ง  และอีกไม่นานดิฉันจะเขียนเป็นภาคภาษาอังกฤษ และยังมีผู้หวังดีต้องการแปลให้ดิฉันเป็นอีกหลายภาษา  รวมถึงดิฉันจะทำเป็น model ไว้สอนนักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี และปริญญาโท รวมถึงจะนำ model นี้ไปอบรมเป็นกรณีศึกษาให้กับโรงพยาบาลที่ดิฉันเป็นที่ปรึกษาให้ รวมถึงอีกหลายโรงพยาบาลที่เชิญดิฉันไปอบรมให้  และไม่ว่าดิฉันจะได้รับเชิญไปที่ใดก็จะติด model นี้ไปด้วย  เพราะเป็น model ที่ใช้ได้ในงานบริการทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์สาขาใดก็ตาม model นี้ชื่อว่า “you got a cancer – terrible service recovery of Bangkok Hospital’

ในที่สุดย่างเข้าอาทิตย์ที่ 4 คุณภัทรวรรณ เธอบอกว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลความปลอดภัยของลูกค้า โทรฯมาหาดิฉัน ขอเป็นตัวแทนของผู้บริหารกล่าวคำขอโทษซึ่งดิฉันใช้เวลากับคุณภัทรวรรณประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ทางโทรศัพท์ ยังไม่ถึงสิบนาทีแรกก็ทราบอีกแล้วว่าเธอก็ไม่ได้ทราบเลยว่าดิฉันเป็นโรคอะไร ใช้บริการไปเท่าไหร่แล้ว  เพียงแค่ทราบเรื่องคร่าว ๆ แล้วก็ถูกบริหารที่เอาตนเองหลบอยู่ใต้กระโปรงและกางเกงของผู้ใต้บังคับบัญชา สั่งให้โทรฯมาขอโทษ และบอกว่าจะให้ gift voucher

ดิฉันถามกลับว่า “หากสามีหรือภรรยาคุณมีภรรยาน้อยหรือมีสามีน้อย มา 3 อาทิตย์แล้ว เขาหรือเธอแค่โทรฯกลับมาบอกขอโทษ คุณว่ามันเพียงพอมั๊ย”  นี่แหละ ความรู้สึกของความผิดหวังของการแก้ไขปัญหาที่ลูกค้า (ผู้ป่วย) กำลังเผชิญอยู่

ส่วนเรื่อง gift voucher ดิฉันถามกลับว่า “สถานการณ์เดิมของภรรยาน้อยและสามีน้อย เผอิญว่าเกิดมีลูกกันขึ้นมา แล้วนำลูกมาให้คุณเลี้ยง คุณจะรับมั๊ยคะ”  นี่แหละ อารมณ์ของการได้รับ gift voucher อย่ามาบังคับกันได้หรือไม่คะ เพราะบอกว่าแล้วว่าไม่อยากได้อะไรทั้งสิ้น เอาเงิน 30,000. – บาทคืนมา

ดิฉันคุยกับคุณภัทรวรรณยาว จนเธอคงเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าดิฉันเพียงต้องการความถูกต้อง ความมีจรรยาบรรณที่ผู้บริหารของโรงพยาบาลกรุงเทพควรรับผิดชอบ  คำถามสุดท้าย ดิฉันถามว่า “คุณคิดว่าโรงพยาบาลกรุงเทพ ทำผิดหรือไม่”  เธออ้ำอึ้งว่า “ก็สื่อสารผิดพลาด แต่ก็ไม่ถึงกับผิด”  ดิฉันกลับถาม “ถ้าไม่ผิด แล้วผู้บริหารจะสั่งให้คุณโทรมาขอโทษทำไม” เธออ้ำอึ้งอีกตามประสาการทำงานแบบไทย ๆ แบบสีเทา ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ พูดอะไรอยู่ ขอโทษไปทำไม  ขอโทษอย่างไร ถูกสั่งมาแบบนี้ก็ทำแบบนี้  ส่วนผู้บริหารก็ไม่ได้ใส่ใจหรือแคร์ลูกค้าหรอก เพราะเขาได้เงินเดือนเป็นแสน ๆ ทุกสิ้นเดือนอยู่แล้ว จะไปแคร์อะไร  แต่ในที่สุด คุณภัทรวรรณ ก็เข้าใจว่า หากโรงพยาบาลไม่ผิด ผู้บริหารคงไม่มอบหมายให้โทรฯมาขอโทษ  แล้วเธอก็รับอาสาที่จะไปพูดคุยกับผู้บริหารอีกครั้งและรับปากว่าจะโทรฯมาแจ้งผลในอาทิตย์ถัดไป (วันอังคารที่ 18 สิงหาคม)

ดิฉันได้รับแจ้งว่าคนที่จะโทรฯมาแจ้งผลชื่อคุณนาฎกมล จากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

วันพุธที่ 19 สิงหาคมดิฉันได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่คุณนาฏกมล แจ้งว่าวันที่ 18 สิงหาคมโทรฯหาดิฉันแต่ดิฉันไม่ได้รับสาย  ขอโทษนะคะ เวลาโทรฯมาคือประมาณ สองทุ่มค่ะ ณ เวลานั้น ณ ที่นครปฐม แถว ๆ มหิดล ฝนตกหนัก ไฟดับหมด  ดิฉันถามกลับว่า “เวลาที่คุณโทรฯหาลูกค้าควรจะเป็นเวลากี่โมงไม่ทราบค่ะ โดยเฉพาะลูกค้าที่กำลังได้รับการบริการที่แย่จากคุณ คงไม่ใช่ 2 ทุ่มใช่หรือไม่”  ก็ได้แต่ขอโทษตามเคย   ในที่สุดดิฉันขอสายคุณนาฎกมล ซึ่งพูดคุยกันอีกประมาณ เกือบ 3 ชั่วโมงในแนวทางเดียวกันกับคุณภัทรวรรณ คุณนาฏกมลบอกดิฉันว่า รองผู้อำนวยการ เข้าใจว่าชื่อว่า นายบดิล เข้าใจว่าเป็น อาจารย์บดิล บดอกอะไรดิฉันก็จำชื่อไม่ค่อยได้หรอกค่ะ

อาจารย์บดิล หรือบดอก รองผู้อำนวยการบอกว่า หากลูกค้าใช้บริการไปแล้ว ก็คืนเงินไม่ได้ ก็ประมาณถามกลับว่าดิฉันจะเอาอย่างไร  ดิฉันก็ไม่เอาอย่างไรหรอกค่ะ เอาเงิน 30,000. – ของดิฉันคืนมา เงินของดิฉันที่เสียไป มาจากการโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ไร้จรรยาบรรณ การบริการที่ไร้จรรยาบรรณ พนักงานไม่มีความรู้ ไม่มีมารยาท บัตรที่ไม่มีระบบรองรับ บัตรที่ในที่สุดลูกค้าอาจไม่มีความปลอดภัยในการรับการรักษา บัตรที่ทำให้ดิฉันเสียเวลา เสียความรู้สึก เสียเงิน เสียการวางแผนชีวิต เพราะดิฉันต้องเดินทางบ่อย จึงได้ตัดสินใจซื้อบัตรนี้  ดิฉันถามกับคุณนาฏกมลว่า “คุณนาฎกมลค่ะ อาจาย์บดิล บดอก รองผู้อำนวยการ คงไม่ได้ใช้เวลานานในการตัดสินใจง่าย ๆ ว่า หากลูกค้าใช้บริการไปแล้ว ก็คืนเงินไม่ได้  การตัดสินใจแบบนี้ คงไม่ต้องใช้ความเป็น อาจารย์ หรือ หมอ หรือตำแหน่งทางวิชาการใด ๆ อะไรมาพูดหรอกจริงหรือไม่ค่ะ  เด็กปัญญาอ่อนก็คงพอจะพูดคำมาตรฐานนี้ได้ ดิฉันสงสาร โรงพยาบาลที่ต้องจ้าง คนระดับอาจารย์ มาเป็น รองผู้อำนวยการ เพื่อตัดสินใจอะไรที่ไม่ต้องใช้สมองขนาดนี้” ดิฉันเข้าใจว่าคุณนาฎกมลเข้าใจความรู้สึกของดิฉันบ้างภายในเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงที่พูดคุยกัน  ซึ่งดิฉันเป็นคนที่งานเยอะก็จริง แต่กับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ดิฉันถือว่าเวลาเป็นการลงทุน และดิฉันก็ยอมที่ไม่หลับไม่นอนเพื่อต่อสู้ค่ะ คุณนาฎกมลรับปากดิฉันอีกเป็นคนที่สอง ที่จะเป็นตัวแทนให้ผู้ป่วย / ลูกค้า ไปพูดคุยกับ ผู้บริหารอีกครั้ง  เพื่อให้คืนเงินดิฉันจำนวน 30,000. – บาท

วันที่ 28 สิงหาคมดิฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณนาฎกมล และบอกว่า โรงพยาบาลกรุงเทพยินดีจะคืนเงินให้ แต่ดิฉันต้องเซ็นเอกสารที่แนบมาให้  ดิฉันอยากให้สังคมได้รับรู้ จึงได้แนบเอกสารมาให้ทุกท่านดูด้วยว่า โรงพยาบาลกรุงเทพมีผู้บริหารขี้โกง ไร้จรรยาบรรณ และหน้าด้านขนาดไหน ทำผิด แต่ไม่กล้ารับผิด  (และเรามาติดตามภาคต่อไป ว่าดิฉันตอบกลับอย่างไร)

Nate-tra Dhevabanchachai, Honorary Advisor / Director, Mai-BS (THAILAND)

http://mai-bs.com

Nate-tra Dhevabanchachai, Program Director at Travel Industry Management Division and Acting General Manager at Salaya Pavilion Hotel and Training Center at Mahidol University International College http://www.mahidol.ac.th

————————————————————————————————————————————————————————–

From: Nartkamol Chamratkan [mailto:nartkamol@bgh.co.th]
Sent: Friday, August 28, 2009 5:20 PM
To: Natetra
Subject: บันทึกข้อตกลง
Sensitivity: Private
เพื่อพิจารณาค่ะ
—————————————————————————————————————————–

บันทึกข้อตกลง

วันที่ ……………………………….

ทำที่ ………………………………………..

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ทำขึ้นที่ วันที่ และ ณ สถานที่ดังกล่าวข้างต้น ระหว่าง

บริษัท ……………………………………….. โดย …………………………………………………………..

ผู้รับมอบอำนาจให้กระทำการแทนบริษัท สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ ……………………………………….

………………………………………………………………….. (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ฝ่ายที่ 1”) และ

นาย/นาง/นางสาว………………………….……………….  อายุ ….…. ปี  ถือบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ ………………………………..…….. ออกให้โดย ………………………………………………………

วันบัตรหมดอายุ ………………..……….. อยู่เลขที่ ………………………….…………………………..

……………………………………………………………………..…. (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ฝ่ายที่ 2”)

โดยที่ ฝ่ายที่ 2 ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกบัตรชีววัฒนะ รุ่น ……………………….. มูลค่า …………….บาท (…………………………………………… บาท) เพื่อรับสิทธิประโยชน์พิเศษจากเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ

ไว้เมื่อวันที่ ………………………. รายละเอียดของสิทธิประโยชน์ของสมาชิกบัตรชีววัฒนะ ปรากฏตาม ……………………………….. นั้น และ โดยที่ ฝ่ายที่ 2 ได้ใช้และรับสิทธิประโยชน์ตามบัตรชีววัฒนะจากฝ่ายที่ 1 เป็นจำนวนเงิน ……………………….บาท  ตั้งแต่เมื่อวันที่ ………………………. และ ปรากฏว่า  ได้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสิทธิประโยชน์ของสมาชิกบัตรชีววัฒนะ ทำให้ฝ่ายที่ 2 รู้สึกว่าบริการของฝ่ายที่ 1 และ โรงพยาบาลในเครือของฝ่ายที่ 1 ที่ฝ่ายที่ 2 ต้องการรับเพิ่มเติมนั้น ไม่เป็นไปตามความคาดหมายของฝ่ายที่ 2

…………………………………………………………….(ฝ่ายที่1) , …………………..…………………(ฝ่ายที่2)

หน้า1/3

คู่สัญญาจึงได้ตกลงกันดังนี้

1.ฝ่ายที่ 1 ยินดีให้ความช่วยเหลือ ฝ่ายที่ 2 เป็นเงินจำนวน …………………บาท (………………….. บาท)

(ดิฉันในฐานะผู้ป่วยขอเสริมตรงนี้ว่า ไม่ทราบว่าโรงพยาบาลกรุงเทพ เข้าใจผิด หรือ สำคัญตนผิด ที่คิดว่าเงินนี้เป็นการช่วยเหลือ หากคุณคิดจะปกปิดความผิดของตน โดยใช้ภาษาที่ทำให้โรงพยาบาลดูดี เพื่ออยู่เหนือความผิด  ดิฉันคิดว่าคุณควรจะนั่งสมาธิสักหน่อยเพื่อทบทวนว่าตนเองทำอะไรไว้ ไม่อย่างนั้นก็กรุณาบอกพนักงานของคุณทุกคนด้วยว่า โรงพยาบาลกรุงเทพ มีปรัชญาในการทำงานคือ “ทำอะไรก็ได้ให้ดูดี บนความไร้จรรยาบรรณทั้งมวล)

2.ฝ่ายที่ 2  ตกลงได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจากฝ่ายที่ 1  ไว้ครบถ้วนแล้ว   ในวันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ โดยฝ่ายที่ 2 เข้าใจเป็นอันดีว่า เป็นการให้ความช่วยเหลือเท่านั้น มิได้หมายความว่าฝ่ายที่ 1 รับผิดชอบในความเสียหายแก่ฝ่ายที่ 2 อันเนื่องมาจากความบกพร่อง หรือ ความไม่ถูกต้อง
ในการให้บริการของฝ่ายที่ 1 หรือ โรงพยาบาลในเครือของฝ่ายที่ 1 หรือ บุคลากรของโรงพยาบาล
แต่อย่างใดทั้งสิ้น

3.ฝ่ายที่ 2 ตกลงจะไม่เรียกร้อง กล่าวหา ร้องเรียน ต่อหน่วยงานใด ๆ ไม่ว่าในส่วนของภาครัฐ หรือภาคเอกชน  และจะไม่ดำเนินคดีไม่ว่าทั้งในทางแพ่ง หรือทางอาญาต่อฝ่ายที่ 1 หรือ   โรงพยาบาล
ในเครือของฝ่ายที่ 1 หรือ ต่อแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของฝ่ายที่ 1 หรือ ของโรงพยาบาลในเครือของฝ่ายที่ 1 เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรือเรียกร้องเรื่องอื่นใดอันเนื่องมาจากเรื่องดังกล่าวข้างต้น และ/หรือ เรื่องที่เกี่ยวกับบัตรชีววัฒนะ และ/หรือ บริการของฝ่ายที่ 1 และหรือ  ของโรงพยาบาลในเครือของ ฝ่ายที่ 1 ทั้งสิ้น

4.ฝ่ายที่ 2 ตกลงที่จะรักษาข้อความในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ และ/หรือ ที่เกี่ยวเนื่องกับบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ ไว้เป็นความลับที่สุด และจะไม่เปิดเผยให้ผู้ใดล่วงรู้โดยปราศจากความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรของฝ่ายที่ 1 ก่อนล่วงหน้าเป็นอันขาด

…………………………………………………………….(ฝ่ายที่1) , …………………..…………………(ฝ่ายที่2)

หน้า2/3

จึงลงนามไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน

บริษัท ………………………..……………. จำกัด (“ฝ่ายที่ 1”)

ลงชื่อ …………………………………. ผู้รับมอบอำนาจ

( …………..…………………….)

ลงชื่อ …………………………………. (“ฝ่ายที่ 2”)

(…………………………………)

ลงชื่อ …………………………………. พยาน

(………………………………….)

ลงชื่อ …………………………………. พยาน

(………………………………….)

น้

หน้า3/3

  1. Josef
    September 7, 2009 at 1:08 pm

    My friend did verbally translate this to me! i hope someone could translate this into English to make all the medical tourists like me aware of this practices.
    How arrogant this hospital can be i learned myself here in Phuket.

  2. ลูกศิษย์
    September 8, 2009 at 6:42 pm

    หนูว่ามันแย่มาก ๆ เดี๋ยวหนูจะบอกพ่อแม่ ให้บอกเพื่อน ๆเขา ไม่ต้องไปใช้โรงพยาบาลกรุงเทพ

  3. ลูกศิษย์
    September 12, 2009 at 7:56 pm

    เห็นด้วย ไอ้โรงพยาบาลกรุงเทพเนี่ยนะ มันคล้าย ๆ กับไอ้พวกโรงพยาบาลห้าดาวทั่วไป มีแต่ตึกสวย บริการห่วยแตก หรือไม่ก็บริการแบบหุ่นยนต์ ยิ้มแบบหุ่นยนต์ พูดแบบหุ่นยนต์ หมอก็ไม่เก่ง ญาติ ๆ เราไปหาโรงพยาบาลกรุงเทพ แต่ตอนนี้ไม่ใช้แล้วจ้า ห่วยจริง ๆ สวยแต่รูป จูบแล้วเหม็น

  4. Pichet
    December 12, 2009 at 10:23 pm

    ผมเองก็เป็นลูกค้าคนนึงที่เ็ป็นสมาชิกบัตรชีววัฒนะ Perfect Diamond และเพื่อนผมก็เป็นหมอที่ รพ.กรุงเทพ ผมอ่านแล้วจึงได้โทรสอบถามจากเพื่อนที่เป็นหมอมาเหมือนกัน

    ผมขออธิบายว่า : ก่อนอื่นคุณต้องทำความเข้าใจใหม่ว่าบัตรตัวนี้เป็น “บัตรส่วนลด”
    เพราะตอนผมซื้อ จนท.เค้าก็บอกว่าคุณจะได้รับสิทธิพิเศษอะไรบ้าง เช่น บัตรอายุ3ปี, ลดค่ายา15%, ลดค่าห้อง50%, ส่วนลดเงินสดค่าห้องอีกวันละ2,500บาทจำนวน5วัน รวมเป็นเงิน12,500 บาท, ได้ตรวจสุขภาพ3โปรแกรม(ในโปรแกรมมีวิ่งสายพาน,อัลตร้าซาวน์ช่องท้องทั้งหมด แค่สองรายการนี้ค่าตรวจก็เกือบหมื่นแล้วครับ) , ขุดหินปูนฟรี ฯลฯ ส่วนตัวผมว่าคุ้มนะครับ เพราะผมได้รับส่วนลดมากกว่าค่าสมาชิกที่เสียไปอีก
    และสามารถนำไปใช้ลดได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ไม่ใช่ว่าจ่ายสามหมื่นแล้วคุณจะได้ส่วนลดแล้วข้อมูลคุณลิ้งค์ไปทุกสาขานะครับ

    ผมสังเกตุว่า…
    1. คุณไม่พอใจที่โรงพยาบาลไม่ทราบข้อมูลประวัติการรักษาของคุณ
    ผมทราบมาว่าทุกโรงพยาบาลเค้าเก็บข้อมูลแบบแฟ้มผู้ป่วย ทำให้ข้อมูลของคุณไม่ได้ส่งไปยังโรงพยาบาลเครือข่าย แต่เท่าที่ทราบก็ยังไม่มีโรงพยาบาลไหนในประเทศไทยที่ทำการลิงค์ข้อมูลออกไปต่างจังหวัดได้ เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง ถ้าคุณรู้ตัวว่าจะย้ายมาทำการรักษาจากกรุงเทพภูเก็ต มายัง กรุงเทพ คุณควรขอข้อมูลการรัีกษาของคุณติดขึ้นมาด้วย หรือไม่ก็แจ้งให้โรงพยาบาลส่งข้อมูลมาให้ก่อนที่คุณจะเข้าไปรักษา คุณจะได้ไม่เสียเวลา
    ผมมองว่าคุณคงคาดหวังกับโรงพยาบาลไว้สูงเกินไป แต่ใครๆก็คงคาดหวังเช่นนั้นเหมือนกันกับโรงพยาบาลระดับนี้ วันก่อนผมไปหาดใหญ่ และได้เข้ารักษาที่ รพ.กรุงเทพหาดใหญ่เนื่องจากอาหารเป็นพิษ จึงทำให้ผมรู้เช่นกันว่าข้อมูลเค้าไม่ได้ลิ้งค์กันเลย ถ้าโรงพยาบาลทำได้ก็จะดีมากๆ เพราะคนไข้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์

    2. คุณต้องการค่าบัตรสมาชิกคืน
    ผมก็เห็นว่าโรงพยาบาลมีความประสงค์คืนค่าบัตรสมาชิกให้คุณจำนวน30,000บาท คุณก็น่าจะโอเคแล้วนะ เพราะจากที่อ่านคุณได้รับส่วนลดไปบางส่วนแล้ว โรงพยาบาลก็คืนเต็มจำนวนให้ ก็แฟร์นะครับ
    แต่ในสัญญาโรงพยาบาลก็ทำไม่ถูกในการใช้คำว่า “ให้การช่วยเหลือ” เป็นการป้องกันตนเอง จนดูน่าเกลียด ถ้าผมเป็นคุณก็คงของขึ้นเหมือนกัน น่าเรียกคนร่างมา ”ตบกบาล” มานคิดได้ไงเนี่ย

    แต่พวกผู้บริหารระดับสูงก็แบบนี้แหละครับ พอลูกค้าต่อว่าก็ส่งลูกน้องออกมาขอโทษ ลูกน้องเป็นคนโดนด่า ตัวเองหลบอยู่ใต้กระโปรง พวกผู้บริหารควรจะได้อ่านคำนี้บ้าง

    ขอให้ได้เงินคืนแบบมีศักดิ์ศรีนะครับ
    ……..คนกลาง……..

  5. December 12, 2009 at 11:05 pm

    สวัสดีค่ะ คุณ Pichet,
    ขอบคุณค่ะที่อ่านข้อมูลที่ post ไว้ และให้ comment และมีความกรุณาไปถามหมอที่เป็นเพื่อนของคุณ
    ดิฉันขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ
    1. ตอนที่ซื้อบัตรที่ภูเก็ต ดิฉันได้แจ้งและพูดหลายครั้งว่า ดิฉันเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อยมาก เพราะดิฉันต้องเดินทางไปสอนไปอบรมบ่อยมากๆ เรียกว่าเหนือ ใต้ ออก ตก คือสิ่งที่ดิฉันได้รับคือว่า บัตรนี้ใช้ได้ทั่วประเทศ (คำว่าบัตรนี้ใช้ได้ทั่วประเทศ คงไม่ใช่คำเล่น ๆ ดิฉันคิดว่าเขาทำ marketing ที่ไม่มีจรรยาบรรณ และจริง ๆ แล้ว ตอนที่ดิฉันต่อว่า หัวหน้าหรือพยาบาล หรือหมอ ก็บอกเองค่ะว่า มันแย่มาก ไม่ควรเป็นแบบนี้ แล้วเขาก็บอกว่า โรงพยาบาลกำลัง link ข้อมูลอยู่ ซึ่งมันหมายความว่า เขาขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่สมบรูณ์ นั่นคือ point ที่ดิฉันพยายามถก และคุณ Pichet คะ พอมีเรื่องนี้ปั๊บ ทางโรงพยาบาลทราบค่ะว่าลูกค้าเอาเรื่องอยู่ ลงอินเตอร์เน็ต โรงพยาบาลออก หนังสือพิมพ์ทันทีว่า ข้อมูลตอนนี้ให้ link เรียบร้อยแล้ว ด้วยระบบของบริษัท ไอ บี เอ็ม คุณ Pichet ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่คะ

    2. ตอนดิฉันโทรฯไปที่กรุงเทพ คุณ pichet คะ ดิฉันพูดถึงประวัติของตนเองกับพนักงาน 3 คนค่ะ นี่เป็นที่มาที่ไปที่ดิฉันคิดว่าโรงพยาบาลนี้ระบบแย่ที่สุด ขนาดเล่าเรื่องตนเองตั้ง 3 รอบว่าเป็นอะไร จากที่ไหน อะไร อย่างไร เขายังไม่สามารถดูแลเบื้องต้นเราได้เลย

    3. ดิฉันมีข่าวจะมาแจ้งต่อค่ะ ดิฉันได้เดินทางลงไปสอนที่สมุย ผู้บริหารโรงแรมคนหนึ่งบอกว่า โรงพยาบาลกรุงเทพแย่มาก ๆ และแย่มานานแล้ว เธอไปหาหมอและต้องเจาะเลือด เข้าใจว่าเลือดเธอกรุ๊ป บี แต่บนคอมพิวเตอร์ของคุณหมอเป็นกรุ๊ป โอ เธอบอกหมอว่า เลือดเธอไม่ใช่กรุ๊ปนั้น คุณหมอทำหน้าตาเหมือนไม่มีอะไร และบอกว่า ไม่เป็นไรเดียวเปลี่ยนในคอมพิวเตอร์ได้ เธอโกรธมากและโทรฯไป complain กับเจ้าหน้าที่ คุณ pichet เชื่อหรือไม่ค่ะ เจ้าหน้าที่ก็บอกขอโทษ และให้ gift voucher ต่อ เธอบอกดิฉันว่า แย่มาก ๆ คิดว่าเราเห็นแก่ได้ เธอบอกว่า หากเป็นไปได้ เธอจะไม่มีทางไปหาโรงพยาบาลกรุงเทพอีกเลย และเธอก็บอกว่าเธอพูดไปทั่วเลย เพราะต้องการให้ทุกคนระมัดระวังกับโรงพยาบาลระดับ 5 ดาวที่แย่มาก และเชื่อถือไม่ได้แม้กระทั่งข้อมูล

    4. ใช่ค่ะ คุณ pichet พูดถูก หากเป็นคุณ คุณก็คงของขึ้นเช่นกัน ดิฉันก็ไม่เคยหยุดเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนที่ดิฉันไปสอนไปอบรม ไว้เป็นอุทาหรณ์ และดิฉันเองก็ฝึกอบรมให้กับโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ดิฉันก็เล่าเรื่องเล่านี้ให้เขาฟัง ก็ส่วนใหญ่มีแต่คนส่ายหน้าแหย่กับโรงพยาบาลที่สวยแต่รูป จูบไม่หอบแบบโรงพยาบาลกรุงเทพ ดิฉันเองมีเพื่อนต่างชาติ เยอะมาก ๆ และก็ได้เขียนบอกเขาไปแล้วในเรื่องนี้ เผอิญดิฉันเองเคยเป็นฝ่ายบริหารบุคคลและคิดว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่สำคัญของประชาชนค่ะ ที่เขาควรรับรู้และระมัดระวัง

    5. ดิฉันได้ทำ “model ไร้จรรยาบรรณการบริการของโรงพยาบาลกรุงเทพ” เสร็จแล้วจากประสบการณ์ของการเป็นลูกค้า ปีหน้านี้ดิฉันจะต้องไปอบรมอีกทั่วประเทศของทางกระทรวง และยังต้องสอนปริญญาตรี และปริญญาโทในเรื่องการพัฒนาบุคลากร วิชาของดิฉันสอดแทรกเรื่องนี้ได้ตลอดค่ะ เพราะจรรยาบรรรณในการทำงานสำคัญมาก

    ดิฉันไม่ได้รับเงินคืนหรอกค่ะ หากดิฉันได้เงินคืนอย่างมีศักดิ์ศรี นั่นหมายความว่า โรงพยาบาลกรุงเทพ ก็ไร้ซึ่งจรรยาบรรณ เขาไม่กล้ายอมรับหรอกค่ะ คนแบบนี้ในสังคมไทยมีมากมาย ประเทศไทยถึงเป็นสภาพหัก ๆ งอ ๆ สังคมสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะผู้ถูกกระทำ ไม่กล้าพูด ผู้ทำผิด ไม่รับผิด
    © Nate-tra Dhevabanchachai, General Manager, Salaya Pavilion Hotel and Training Center, Mahidol University International college. Honorary Director, Mai-BS (Thailand) Co., Ltd. http://mai-bs.com

  6. Thanistha
    January 20, 2013 at 10:46 am

    โรงบาลกรุงเทพบริการเลวทราม ราคาหน่ะคุณคิดสูง แต่บริการหน่ะขั้นต่ำ กรุณาบอกพ่อแม่พี่น้อง ญาติเพื่อนฝูงว่าอย่าได้ไปใช้บริการมันนะคะ ตัวอย่าง 1)เด็กขวบนึงไม่สบาย ให้รอชม.ครึ่ง เกือบ2ยังไม่ได้ตรวจ 2)คนไข้ไม่ได้ต้องการน้ำเกลือก็ยัดเยียดเจาะให้ 3)ห้องเต็ม ทำเป็นพูดดีว่าจะอัพเกรด ปรากฏมันเอาคนป่วยไปนอนใต้ห้องที่กำลังก่อสร้าง 4)ป้ายเขียนรอยา15นาที มันให้รอกว่าครึ่งชม. 5)ทำเคลมประกันสะเพร่าและปัดความรับผิดชอบ  6)มีเชื้อรากองโตเป็นดอกเห็ดในห้องผู้ป่วย 
    อันความกรุณาปราณี ไม่ได้มีในใจของผู้บริหารและพนักงาน คุณก็แค่ดำเนินธุรกิจแบบไร้ศีลธรรมจรรยาโรงพยาบาลกรุงเทพเลวววววว ##%*@@$$#}#!!!!

  1. No trackbacks yet.

Leave a comment